5 ทีมชาติที่โด่งดัง และไต่อันอับขึ้นมาเป็นที่รู้จักทั่วโลก

thai-famous-teams

หลังจากการเล่นฟุตบอลโลก ปี 2022

หลังจากฟุตบอลโลกของปี 2022 ที่จบลง อาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งที่ 3 อย่างงดงาม แน่นอนว่าเมื่อฟีฟ่า เวิลด์ คัพ สิ้นสุดลงไป หลายๆ ทีมชาติที่ทำการแข่งขันในแต่ละกลุ่มของฟุตบอลโลกในปีนี้ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะตกรอบในช่วงแรกๆ แต่ดูเหมือนว่าทีมชาติเหล่านั้นได้กลายเป็นม้ามืด ที่ทำให้กระแสฟุตบอลในทีมชาตินั้นๆ กลับเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในระดับสากล

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างหน้าเหลือเชื่ออยู่ ที่ทีมในการจัดอันดับของเราต่อไปนี้จะไม่มีทีมแชมป์อย่างอาร์เจนติน่า หรือ ทีมรองแชมป์อย่างฝรั่งเศสที่ดังเป็นพลุแตก แต่กลับเป็นทีมชาติที่หลายคนคาดไม่ถึงว่านักเตะของชาตินั้นๆ จะเล่นได้ดี หรือ ทีมไปได้ไกลจนเกือบรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์

และวันนี้เราได้รวบรวมทีมม้ามืด ที่เป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเซียลของวงการฟุตบอล ทั้ง 5 ทีมที่มีการอัพตัวเองให้ขึ้นไปอยู่บนชาร์ทของทีมชาติที่ดีที่สุดกัน.

 1. สหรัฐอเมริกา

ทีมฟุตบอลของสหรัฐอเมริกา ทีมฟุตบอลจากฝั่งทวีปอเมริกาอย่างที่เขาว่ากันว่าขยับขึ้นมาถึงสามอันดับ ตอนนี้ทีมชาติอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลกหลังจากฟุตบอลโลก ปี 2022 ที่ผ่านมา

อเมริกา ถูกมองว่าน่าจะเหนื่อยหนักในการลงเล่นฟุตบอลโลกในครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้มีดาวเด่นอยู่ในทีมมากมายนัก ซึ่งคู่ต่อกรของพวกเขาในรอบแบ่งกลุ่มนี้น่าจะต้องแย่งชิงอันดับสองกับ เวลส์ และคาดว่าที่สุดแล้วแข้งมะกันน่าจะจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านนั้น ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ถูกจับฉลากให้อยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ อิหร่าน, อังกฤษ และ เวลส์ โดยถูกมองว่าทัพแข้งสหรัฐอเมริกาจะต้องเหนื่อยหนักกับการแย่งชิงอันดับสองกับ  อิหร่าน และ  เวลส์  เนื่องจากอังกฤษถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่งของกลุ่มนี้ไปแล้ว

แต่สุดท้ายแล้วทีมจากสหรัฐฯ กลับทำได้ดีมากๆ จนพาทีมเข้ามาอยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ถึงแม้ว่าในการแข่งขันทีมชาติสหรัฐฯ จะแพ้ เนเธอร์แลนด์ในรอบ 16 ทีม แต่เรื่องของเพอร์ฟอร์มแมนซ์เป็นที่โจทย์ขานอย่างมาก

ทีมชาติสหรัฐอเมริกา ยังคงอยู่ภายใต้การคุมทัพของ เกร็ก เบอร์ฮัลเตอร์ โดยเขาเป็นอดีตผู้จัดการทีมและผู้อำนวยการของทีม โคลัมบัส คริว ซึ่งตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เขานำอเมริกาคว้าแชมป์ เนชั่นลีก โซน คอนคาเคฟ เมื่อปี 2020 และ คอนคาเคฟโกลด์ คัพ มาครองได้ในปี 2021 อย่างไรก็ตาม อเมริกา แม้จะมีผลงานโดดเด่นในแทบทุกประเภทกีฬาในโลกนี้ แต่สำหรับฟุตบอลชายชุดใหญ่กลับไม่เคยประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกเลย ซึ่งในศึกเวิลด์คัพหนนี้ นักเตะสหรัฐฯ ก็หวังสร้างผลงานให้ดีที่สุดอีกครั้ง

โดยในสนามฟุตบอลโลกครั้งนี้ มี คริสเตียน พูลิซิช ปีกจากเชลซี เป็นกัปตันทีมชาติสหรัฐฯ ชุดนี้ และดูจะเป็นดาวเด่นที่มีชื่อเสียงเพียงคนเดียวในทีม นอกนั้นก็จะมี แมตต์ เทอร์เนอร์ (อาร์เซน่อล) แซร์จินโญ เดสต์ (เอซี มิลาน) ลูก้า เดอ ลา ตอร์เร (เซลต้า บีโก้) ไทเลอร์ อดัมส์ (ลีดส์) แอนโทนี่ โรบินสัน (ฟูแล่ม) ทิโมธี เวอาห์ (ลีลล์) และ เวสตัน แม็คเคนนี่ (ยูเวนตุส)

จากการรายงานของ USMNT ได้ระบุบว่า ฟุตบอลโลกครั้งต่อไป ของปี 2026 กำหนดจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกานั้น จากความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาต่อเนเธอร์แลนด์ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมสหรัฐฯ ได้วางรากฐานสำหรับอนาคตของทีม ในขณะเดียวกันกับที่ต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพร่วมฟุตบอลโลกปี 2026 เราต้องมารอดูกันต่อในอีก 4 ปีข้างหน้าว่าสหรัฐฯ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง.

 2.ประเทศญี่ปุ่น

ทีมชาติญี่ปุ่น หรือเจ้าของฉายา “ซามูไรสีน้ำเงิน”  หรือ “Blue Lock” ในการแข่งขันของฟุตบอลโลกในปีนี้ ที่กาตาร์ ญี่ปุ่นชนะใจคนดูทั่วโลก เพราะพวกเขาถูกจัดอยู่ในกลุ่มแห่งทีมอันตรายพร้อมกับสเปนและเยอรมนี อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มโดยเอาชนะทั้งสเปนและเยอรมนีมา นี่ทำเอาแฟนบอลช็อกไปเลย ญี่ปุ่นเอาชนะสเปนได้อย่างห้าวหาญ และอีกครั้งเมื่อพวกเขาเอาชนะเยอรมนี แต่น่าเสียดายที่โครเอเชียเอาชนะญี่ปุ่นในการดวลจุดโทษไปได้

ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นอยู่อันดับที่ 24 ในตารางของโลก ก่อนฟุตบอลโลกปี 2022 หลังจากความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน นี่ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาสี่อันดับและตอนนี้อยู่ที่ 20 ของโลกไป ถือเป็นอีกหนึ่งทีมแกร่งจากทวีปเอเชีย โดยสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เมื่อปี 1998 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทีมชาติญี่ปุ่น ก็สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้ตลอดทุกครั้ง โดยมีผลงานดีที่สุดคือ การเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2002, 2010 และ 2018

สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ถือเป็นฟุตบอลโลกสมัยที่ 7 ติดต่อกัน ที่ทีมชาติญีปุ่นได้กลับเข้ามาในการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และหมายมั่นจะทำผลงานให้ได้ดีอีกครั้งในเวิลด์คัพครั้งนี้

ฟุตบอลโลก 2022 ในครั้งนี้นั้น ทีมชาติญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ ด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม บี ของโซนเอเชีย ซึ่งฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ทีมชาติญี่ปุ่น ถูกจับฉลากให้อยู่ในกลุ่ม อี ร่วมสายกับ คอสตาริกา, สเปน และ ญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว เนื่องจาก เยอรมัน และ สเปน นั้นถูกคาดหมายว่าจะเป็นทีมเต็งที่ผ่านเข้ารอบต่อไป

ทีมชาติญี่ปุ่นในครั้งนี้อยู่ภายใต้การคุมทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือ อายุ 54 ปี  โดยเคยสร้างชื่อกับการคุมทีม ซานเฟรซเซ ฮิโรชิมา มาอย่างยาวนานและกวาดแชมป์มามากมายรวมถึงเป็นแชมป์เจ ลีก 3 สมัย ก่อนจะหันมาคุมทีมชาติ เริ่มจากทีมชุดเยาวชนจนกระทั่งขยับขึ้นมาเป็นมือขวาให้กับ อากิระ นิชิโนะ ก่อนจะขึ้นมาเป็นผู้คุมทีมชาติอย่างเต็มตัวในปี 2018 ที่ผ่านมา ส่วนดาวเด่นของทีมในครั้งนี้ นำทีมมาโดยสตาร์หลายรายที่ปัจจุบันไปค้าแข้งอยู่ในยุโรป แต่ที่โดดเด่นคือ กองหน้าอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ ที่เคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวโลดแล่นอยู่ใน ลีก เอิง กับทีมโมนาโก

ทีมชาติญี่ปุ่นมีผลงานที่ดีล่าสุดเมื่อ ปี 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ญี่ปุ่น ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พาทัพ “ซามูไร” ทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจบเป็นที่สองของกลุ่ม เฮช มีสถิติ ชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 1 ซึ่งตอนนั้นร่วมสายกับ โคลัมเบีย, เซเนกัล และ โปแลนด์  ก่อนที่ในรอบ 16 ทีม ญี่ปุ่นจะไปพ่ายต่อเบลเยียม 2-3 ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย.

 3.แคเมอรูน

แคเมอรูน เป็นทีมจากแอฟริกาที่ประสบความสำเร็จที่สุด โดยทีมชาติแคเมอรูนเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 7 ครั้ง คือในปี 1982, 1990, 1994, 1998, 2002, 2010 และ 2014 มากกว่าชาติใดในแอฟริกา นอกจากนั้นยังเป็นทีมที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก โดยในปี 1990 ทีมชาติแคเมอรูนพ่ายให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษ พวกเขาชนะการแข่งขันแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 5 ครั้ง และยังได้เหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ด้วย

โดยฟุตบอลโลกปีนี้ แคเมอรูนสามาเข้ามาอยู่ในรอบคัดเลือกกลุ่ม G ได้สำเร็จ และรอเข้าไปแข่งรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย แคเมอรูนมีโอกาสน้อยมากที่จะชนะการแข่งขัน บราซิลและสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมเต็ง ในขณะที่เซอร์เบียก็อันตราย อย่างไรก็ตาม แคเมอรูนสามารถจบอันดับสามของกลุ่มได้ และทีมก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ แคเมอรูนและบราซิลมีประวัติที่ค่อนข้างดีในอดีต บราซิลเคยเผชิญหน้ากับแคเมอรูนมาแล้ว 3 ครั้งและไร้พ่าย อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ที่ฟุตบอลโลก 2022 แคเมอรูนสามารถรั้งบราซิลไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น อาบูบาการ์ยังทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมให้แคเมอรูนทำลายทางตันในเกมกับบราซิลได้ในที่สุด การชนะครั้งนี้ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาถึง 10 อันดับ และตอนนี้พวกเขาอยู่ในอันดับที่ 33 ของโลก

โดยทีมชาติแคเมอรูนยังคงอยู่ภายใต้การคุมทีมของ ริโกแบร์ ซง วัย 46 ปี อดีตดาวเตะของ ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม ก้าวขึ้นมารับงานคุมทีมอย่างเต็มตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากเคยผ่านการคุมทีมชาติ รวมถึงกลับมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชในทีมชุดเยาวชน

ในส่วนดาวเด่นของทีมในครั้งนี้ นำทีมมาโดยสตาร์หลายรายที่ปัจจุบันไปค้าแข้งอยู่ในยุโรป แต่ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ต้องบอกว่าด่าวเด่นของทีมคือเอริค มักซิม ชูโป-โมติง กองหน้าตัวเก่งจาก บาเยิร์น มิวนิค ที่ในช่วงหลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับสโมสร เชื่อว่าประสบการณ์ของเขาจะช่วยให้ทีมสร้างความประทับใจให้กับทีมชาติได้ไม่มากก็น้อย.

 4. ออสเตรเลีย

นี่เป็นเรื่องค่อนข้างคาดไม่ถึง แต่ทีมชาติฟุตบอลออสเตรเลียสมควรได้รับเครดิตทุกประการ เพราะออสเตรเลียขยับขึ้นถึง 11 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 27 ของโลกไปในเวลานี้ โดยทีมชาติออสเตรเลีย หรือเจ้าของฉายา “จิงโจ้” ก่อนหน้านี้ ทีมอยู่อันดับที่ 38 ของโลกจากการจัดอันดับล่าสุดโดย ฟีฟ่า เป็นอีกหนึ่งชาติตัวแทนจากทวีปเอเชีย ที่กว่าจะผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้เลือดตาแทบกระเด็น และฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ของพวกเขา

แม้ว่าฟุตบอลโลก 2022 ในครั้งนี้นั้น ทีมชาติออสเตรเลีย ทำได้เพียงแค่คว้าอันดับที่ 3 ของกลุ่ม บี ในการฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสุดท้าย ทำให้พวกเขาต้องตัดสินกับ ยูเออี ก่อนที่จะเป็นทัพจิงโจ้ที่เอาชนะไปได้ 2-1 ทำให้ทัพซ็อกเกอร์รูส์ ผ่านเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟกับ เปรู ตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้ เพื่อแย่งตั๋วใบสุดท้าย และก็เป็นทีมชาติออสเตรเลียที่เอาชนะไปได้ในการดวลจุดโทษ 5-4 หลังจากที่ทั้งสองทีมเสมอกันใน 120 นาที 0-0 ซึ่งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนี้ ออสเตรเลีย ถูกจับมาอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับ ฝรั่งเศส แชมป์เก่า, เดนมาร์ก อีกหนึ่งตัวแทนจากยุโรป และ ตูนิเซีย ทีมจากจากแอฟริกา

ทีมชาติออสเตรเลียจบอันดับสองในกลุ่ม D ได้สำเร็จ พวกเขาสามารถเก็บได้ 6 คะแนนและผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายกับทีมแชมป์อย่างอาร์เจนตินา สิ่งที่ดูเหมือนการแข่งขันฝ่ายเดียวอาจเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดของฟุตบอลโลก อาร์เจนตินาจัดการให้ออสเตรเลียตามหลังไปได้ 2 ประตู ออสเตรเลียกลับมาช้าและครองอาร์เจนตินาเป็นเวลาสามสิบนาที พวกเขายังสามารถบังคับให้เข้าประตูตัวเองได้ ชาวออสเตรเลียใกล้จะตีเสมอได้แล้วหากไม่ใช่เพราะการเซฟในนาทีสุดท้ายอันยอดเยี่ยมของเอมี มาร์ติเนซ

ส่วนดาวเด่นของทีมในครั้งนี้ ผู้เล่นในชุดนี้หลายคนค้าแข้งในลีกของยุโรป รวมไปถึงนักเตะที่เล่นอยู่ใน เอลีก ของออสเตรเลีย แต่ถ้าให้เลือกคงเป็น แมทธิว ไรอัน ผู้รักษาประตูมากประสบการณ์วัย 30 ปีจาก เอฟซี โคเปนเฮเก้น ที่เคยผ่านการเฝ้าเสามาแล้วหมายทีมในยุโรป ทั้งกับ บาเลนเซีย, ไบรท์ตัน, อาร์เซนอล และ เรอัล โซเซียดาด เขาที่มีประสบการ์ณโชกโชนจากการลงแข่งกับทีมดังๆ นี่จึงทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีทมากที่สุดคนนึงในฟุตบอลโลกปีนี้.

 5. โมร็อคโก

ทีมช็อกโลกจากที่ทุกคนคาดไม่ถึง ต้องยกให้ ทีมชาติโมร็อกโก หรือ ‘Atlas Lions’ กลายเป็นทีมที่ดีที่สุดของฟุตบอลโลกแห่งปี 2022 ไป โดยก่อนหน้านั้น ทีมชาติโมร็อกโกจบรอบคัดเลือกด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มไอ ในรอบคัดเลือก รอบสอง โซนแอฟริกา โดยเป็นทีมเดียวที่ชนะ 6 นัดรวด เก็บ 18 คะแนนเต็ม พร้อมทั้งสามารถชนะดีอาร์ คองโก ในรอบคัดเลือกรอบ 3 คว้าตั๋วมาฟุตบอลโลกที่กาตาร์ได้สำเร็จ

ถึงตอนนี้ ไม่มีใครไม่พูดถึงฟอร์มที่ดีจัดของทีมชาติ ทุกคนจะจดจำการแข่งขันที่ห้าวหาญและกลยุทธที่ชาญฉลาดของโมร็อกโกในศึกฟีฟ่า เวิลด์ คัพ ครั้งนี้ได้อย่างดี โดยโมร็อกโกถูกจัดอยู่ในกลุ่ม F ร่วมกับเบลเยียม, โครเอเชีย และแคนาดา พวกเขาลงเอยด้วยการไร้พ่ายก่อน โดยเอาชนะเบลเยียมและแคนาดา จากนั้นโมร็อกโกก็สร้างเรื่องช็อกครั้งใหญ่อีกครั้งที่เอาชนะสเปนด้วยการดวลจุดโทษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

เรื่องนี้ขอยกเครดิตให้ยัสซีน บูนูและวีรกรรมของเขา ผู้รักษาประตูเสียเพียงประตูเดียว (เข้าประตูตัวเอง) จนถึงรอบรองชนะเลิศ จากนั้นโมร็อกโกก็สามารถเอาชนะโปรตุเกสได้ในรอบก่อนรองชนะเลิศ น่าเสียดายที่พวกเขาเทียบฝรั่งเศสไม่ได้และแพ้ในรอบรองชนะเลิศ โมร็อกโกขยับขึ้น 11 อันดับและตอนนี้อยู่ที่ 11 ของโลกไปแล้ว

สำหรับผู้จัดการทีมชาติโมร็อกโกในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ พวกเขาได้เปลี่ยนมาเป็น วาลิด เรกรากี ที่มารับหน้าที่แทน ฮาลิล ฮอดซิช ทีมีปัญหากับสหพันธ์ฟุตบอลโมร็อกโก รวมถึง ฮาคิม ซีเย็ค โดยก่อนหน้านี้ เรกรากี มีผลงานโดดเด่นคือการพาทีมสโมสร วีแดด คาซาบลานก้า ขึ้นมาทำดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2021-22 โดยคว้าทั้งแชมป์ลีกโมร็อกโก และแชมป์สโมสรแอฟริกาซึ่งเทียบได้กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของยุโรป

ส่วนนักเตะสตาร์เด่นของทีมชาติโมร็อกโกคงหนีไม่พ้นอย่าง อาชราฟ ฮาคิมี่ ซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของโมร็อกโกยุคนี้ แบ็คขวาแห่งสโมสรปารีส เซนต์ แชกแมงค์ สำหรับทีมชาติโมร็อกโก มีโอกาสค่อนข้างยากสำหรับการแข่งขันในรอบนี้ เนื่องจากอยู่ในกลุ่มเดียวกับ เบลเยี่ยมและโครเอเชีย ที่เป็นตัวเต็งในการผ่านเข้ารอบต่อไป แถมยังมีแคนาดาที่เป็นม้ามืดในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย แต่พวกเขาก็ทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความตั้งใจของทีมได้ว่า พวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนและคว้าตำแหน่งรันอัพ อันดับที่ 4 ของฟุตบอลโลกในปีนี้มาครอง และกลายเป็นทีมที่ทุกคนต่างให้ความสนใจกันทั่วโลก.

Last update: : June 9, 2023

Category: 8Xbet